เมนู

มาโดยรวมกันทั้งหมด, (นี่กลับ) มาทีละองค์ ๆ จากที่แห่งหนึ่ง ๆ.
ภิกษุ. มหาอุบาสิกา พวกฉันนั่งทำสมณธรรมในที่แห่งหนึ่ง ๆ.
อุบาสิกา. พ่อคุณทั้งหลาย ชื่อว่าสมณธรรมนั้นคืออะไร ?
ภิกษุ. มหาอุบาสิกา พวกฉันทำการสาธยายอาการ 32 เริ่มตั้ง
ซึ่งความสิ้นและความเสื่อมในอัตภาพอยู่.
อุบาสิกา. ท่านเจ้าขา การทำการสาธยายอาการ1 32 และการเริ่ม
ตั้งความสิ้นความเสื่อมในอัตภาพ ย่อมสมควรแก่พวกท่านเท่านั้น หรือ
ย่อมสมควรแก่พวกดิฉันด้วยเล่า ?
ภิกษุ. มหาอุบาสิกา ธรรมนี้ อันพระผู้มีพระภาคเจ้ามิได้ทรงห้าม
แก่ใคร ๆ.
อุบาสิกา. ถ้าอย่างนั้น ขอพวกท่านจงให้อาการ 32 และขอจง
บอกการเริ่มตั้งซึ่งความสิ้นและความเสื่อมในอัตภาพ แก่ดิฉันบ้าง.
ภิกษุ. มหาอุบาสิกา ถ้าอย่างนั้น ท่านจงเรียนเอา. แล้วให้เรียน
เอาทั้งหมด.

อุบาสิกาบรรลุมรรค 3 ผล 3 ก่อนภิกษุ


จำเดิมแต่นั้น อุบาสิกานั้นก็ได้ทำการสาธยายซึ่งอาการ 32 (และ)
เริ่มตั้งไว้ซึ่งความสิ้นไปและความเสื่อมไปในตน ได้บรรลุมรรค 3 ผล 3
ก่อนกว่าภิกษุเหล่านั้นทีเดียว. ปฏิสัมภิทา 4 และโลกิยอภิญญา ได้มา

1. คือ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ม้าม หัวใจ ตับ พังผืด
ไต ปอด ไส้ใหญ่ ไส้น้อย อาหารใหม่ อาหารเก่า ดี เสลด หนอง เลือด เหงื่อ มันข้น
น้ำตา น้ำมันเหลว น้ำลาย น้ำมูก ไขข้อ มูตร ถ้าเติมมัตถลุงคัง มันสมองเข้าด้วย เป็น 32
ตามคัมภีร์วิสุทธิมรรค.

ถึงแก่อุบาสิกานั้นโดยมรรคนั่นแล. นางออกจากสุขอันเกิดแต่มรรคและ
ผลแล้ว ตรวจดูด้วยทิพยจักษุใคร่ครวญอยู่ว่า " เมื่อไรหนอแล ? พระผู้
เป็นเจ้าผู้เป็นบุตรของเราจึงจักบรรลุธรรมนี้ " แล้วรำพึง (ต่อไป ) ว่า
" พระผู้เป็นเจ้าเหล่านี้ทั้งหมด ยังมีราคะ ยังมีโทสะ ยังมีโมหะ, พระผู้
เป็นเจ้าเหล่านั้นมิได้มีคุณธรรมแม้สักว่าฌานและวิปัสสนาเลย อุปนิสัยแห่ง
พระอรหัตของพระผู้เป็นเจ้าผู้บุตรของเรา มีอยู่หรือไม่หนอ ?" เห็นว่า
"มี" ดังนี้แล้ว จึงรำพึง ( ต่อไป ) ว่า " เสนาสนะเป็นที่สบาย จะมี
หรือไม่มีหนอ ?" เห็นแม้เสนาสนะเป็นที่สบายแล้ว จึงรำพึง ( ต่อไป
อีก) ว่า "พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลายของเรายังไม่ได้บุคคลเป็นที่สบายหรือ
หนอ ? เห็นแม้บุคคลเป็นที่สบายแล้ว จึงใคร่ครวญอยู่ว่า " พระผู้
เป็นเจ้าทั้งหลายยังไม่ได้อาหารเป็นที่สบายหรือหนอ ?" ก็ได้เห็นว่า
อาหารเป็นที่สบายยังไม่มีแก่พวกเธอ." จำเดิมแต่นั้นมา ก็จัดแจงข้าวยาคู1
อันมีอย่างต่าง ๆ และของขบเคี้ยวเป็นอเนกประการ และโภชนะมีรส
ต่าง ๆ อันเลิศแล้ว นิมนต์ภิกษุทั้งหลายให้นั่งแล้ว จึงถวายน่าทักษิโณทก2
แล้ว มอบถวายด้วยคำว่า " ท่านผู้เจริญ พวกท่านชอบใจสิ่งใด ๆ
ขอจงถือเอาสิ่งนั้น ๆ ฉันเถิด."
ภิกษุเหล่านั้น รับเอาวัตถุทั้งหลายมีข้าวยาคูเป็นต้นแล้ว บริโภค
ตามความชอบใจ.

1.แปลตามพยัญชนะว่า......ยังข้าวยาคูมีอย่างต่าง ๆ ด้วย ยังของเคี้ยวมีประการมิใช่น้อยด้วย
ยังโภชนะมีรสอันเลิศต่าง ๆ ด้วย ให้ถึงพร้อมแล้ว.
2. แปลว่า น้ำเพื่อทักษิณา.


ภิกษุ 60 รูปบรรลุพระอรหัต


เมื่อภิกษุเหล่านั้นได้อาหารอันเป็นที่สบาย จิตก็เป็นธรรมชาติ มี
อารมณ์เดียว ( แน่วแน่ ). พวกเธอมีจิตแน่วแน่เจริญวิปัสสนา ต่อกาล
ไม่นานนัก ก็ได้บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย แล้วคิดว่า
" น่าขอบคุณ ! มหาอุบาสิกาเป็นที่พึ่งของพวกเรา; ถ้าพวกเราไม่ได้
อาหารอันเป็นที่สบายแล้วไซร้, การแทงตลอดมรรคและผล คงจักไม่ได้
มีแก่พวกเรา ( เป็นแน่ ); บัดนี้ พวกเราอยู่จำพรรษาปวารณาแล้ว จัก
ไปสู่สำนักของพระศาสดา."
พวกเธออำลามหาอุบาสิกาว่า " พวกฉันใคร่จะเฝ้าพระศาสดา."
มหาอุบาสิกากล่าวว่า " ดีแล้วพระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย " แล้วตามไปส่ง
ภิกษุเหล่านั้น, กล่าวคำอันเป็นที่รักเป็นอันมากว่า " ขอท่านทั้งหลาย พึง
(มา) เยี่ยมดิฉันแม้อีก" ดังนี้เป็นต้น แล้วจึงกลับ.

พระศาสดาตรัสถามสุขทุกข์กะภิกษุเหล่านั้น


ฝ่ายภิกษุเหล่านั้นแล ถึงเมืองสาวัตถีแล้ว ถวายบังคมพระศาสดา
แล้ว นั่ง ณ ที่ควรข้างหนึ่ง อันพระศาสดาตรัสว่า " ภิกษุทั้งหลาย
(สรีรยนต์มีจักร 4 มีทวาร 9) พวกเธอพออดทนได้ดอกหรือ ? พวก
เธอพอยังอัตภาพให้เป็นไปได้ดอกหรือ ? อนึ่ง พวกเธอไม่ลำบากด้วย
บิณฑบาตหรือ ?" จึงกราบทูลว่า " พออดทนได้พระเจ้าข้า พอยัง
อัตภาพให้เป็นไปได้ พระเจ้าข้า, อนึ่ง ข้าพระองค์ทั้งหลาย มิได้
ลำบากด้วยบิณฑบาตเลย, เพราะว่าอุบาสิกาคนหนึ่ง ชื่อมาติกมาตา
ทราบวาระจิตของพวกข้าพระองค์. เมื่อพวกข้าพระองค์คิดว่า ' ไฉนหนอ